Toyota FJ Cruiser 2026 กลับมาลุยอีกครั้ง ราคา และสเปก
หลังจากหายไปจากตลาดมานานหลายปี ในที่สุด Toyota ก็กำลังเตรียมส่งตำนานออฟโรดระดับโลกอย่าง FJ Cruiser กลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้งภายในปี 2026 ภายใต้รหัสพัฒนาที่หลายสำนักเรียกว่า “Land Cruiser FJ” โดยใช้แนวคิดเดิมในการออกแบบ แต่ใส่เทคโนโลยีใหม่และแพลตฟอร์มที่พร้อมสำหรับการลุยในทุกสภาพถนน
ไม่ใช่แค่การคืนชีพของชื่อรุ่นเท่านั้น แต่ FJ Cruiser รุ่นใหม่นี้ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของ Toyota ที่จะยึดครองตลาด SUV ออฟโรดขนาดกลางแบบที่เคยทำได้ในยุคก่อน พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
การกลับมาครั้งนี้ ไม่ใช่แค่แต่งหน้าใหม่
FJ Cruiser 2026 จะไม่ใช่แค่การนำชื่อเดิมมาปัดฝุ่น แต่จะเป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดย Toyota จะใช้พื้นฐานของโครงสร้าง body-on-frame ซึ่งเป็นรากฐานเดียวกับรถสายลุยอย่าง Land Cruiser, Prado และ Hilux ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องความแข็งแกร่ง และความสามารถในการตะลุย
จากภาพสิทธิบัตรและต้นแบบที่หลุดออกมา ดีไซน์ของรุ่นนี้ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ เช่น
-
ไฟหน้า LED ทรงกลมเรียบง่าย
-
กระจังหน้าพิมพ์คำว่า TOYOTA ขนาดใหญ่
-
กันชนเหล็กพร้อมแผ่นกันกระแทก
-
ยางอะไหล่แขวนหลังรถแบบคลาสสิก
-
เส้นสายทรงเหลี่ยมที่ดูแข็งแรง เรียบง่ายแต่ทรงพลัง
ถือว่าเป็นการผสานความวินเทจกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว
ขนาดตัวรถ – กะทัดรัดแต่พร้อมลุย
แม้จะอยู่ในกลุ่ม SUV ออฟโรด แต่ FJ Cruiser 2026 จะมีขนาดตัวถังที่ “เล็กกว่า Prado” อย่างชัดเจน ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเมืองได้ง่ายขึ้น พร้อมตอบโจทย์คนที่ต้องการรถลุยจริงแต่ไม่ต้องใหญ่เทอะทะ
สเปคขนาดคร่าวๆ (คาดการณ์):
-
ยาวประมาณ 4,500 มม.
-
กว้าง 1,850 มม.
-
สูง 1,870 มม.
-
ระยะฐานล้อใกล้เคียงกับ Toyota Fortuner
ขนาดนี้ทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันคล่องตัวกว่า SUV ใหญ่ และยังคงความสามารถในการขับผ่านทางชัน, ดินโคลน, หินกรวด หรือทางดิบได้ดี
ขุมพลัง – เครื่องยนต์หลากหลาย พร้อมรองรับทุกตลาด
Toyota เตรียมติดตั้งเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันตามแต่ละภูมิภาค โดยคาดว่าจะมีทั้งหมด 3 รูปแบบให้เลือก:
1. เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร (2TR-FE)
-
พลังงานแบบเดิมสำหรับตลาดเอเชีย
-
เหมาะกับตลาดที่ยังไม่รองรับ EV หรือ Hybrid เต็มรูปแบบ
-
166 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
2. เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร Turbo Hybrid (i-Force MAX)
-
ใช้ระบบเดียวกับ Toyota Tacoma และ Land Cruiser J250
-
แรงม้าสูงสุดประมาณ 330 แรงม้า
-
รองรับตลาดอเมริกาเหนือและยุโรป
-
มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแรงบิดสูง และระบบชาร์จแบตขณะขับขี่
3. เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร Mild-Hybrid (MHEV)
-
สำหรับตลาดออสเตรเลียและอาเซียนบางประเทศ (เช่น ไทย)
-
ประหยัดน้ำมันและลดมลพิษได้ดีขึ้น
-
ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะมีในอนาคต
ระบบขับเคลื่อน – 4WD เต็มรูปแบบ พร้อมเทคโนโลยีช่วยลุย
สำหรับ FJ Cruiser รุ่นใหม่ Toyota ไม่ลืมใส่เทคโนโลยีออฟโรดที่แฟนๆ คาดหวัง โดยมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่รองรับการใช้งานหลากหลายสภาพถนน พร้อมอุปกรณ์ช่วยลุย เช่น:
-
ระบบล็อกเฟืองท้าย (Rear Diff Lock)
-
ระบบ Crawl Control สำหรับไต่เขาหรือทางลาด
-
ระบบ Multi-Terrain Select ปรับการขับให้เหมาะกับพื้นผิว
-
ระบบ HDC และ HAC ช่วยขับทางลาดชัน
-
กล้องมองใต้ท้องรถและ 360 องศา
ภายในห้องโดยสาร – ผสมความลุยกับความล้ำ
แม้จะเป็นรถลุยเต็มขั้น แต่ FJ Cruiser 2026 จะไม่ละเลยเรื่องความสะดวกสบายและเทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร:
-
จอสัมผัส Infotainment ขนาด 12.3 นิ้ว
-
ระบบเสียงพรีเมียม
-
รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
-
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมออฟโรด
-
หน้าปัดดิจิทัลเต็มรูปแบบ
-
พื้นที่นั่งสบายสำหรับ 5 คน พร้อมเบาะพับเรียบ
ความปลอดภัย – ครบตามมาตรฐาน Toyota Safety Sense
ในเรื่องของความปลอดภัย Toyota ไม่เคยขาด ด้วยระบบ Toyota Safety Sense เวอร์ชันล่าสุด ที่รวมเอาฟีเจอร์สำคัญมาไว้ในรถรุ่นนี้:
-
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Pre-Collision)
-
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane Keeping Assist)
-
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control)
-
ระบบอ่านป้ายจราจรอัตโนมัติ
-
กล้อง 360 องศา และเซ็นเซอร์รอบคัน
ราคาคาดการณ์ – เข้าไทยน่าจะเริ่มต้นไม่เกิน 1.5 ล้านบาท
แม้ Toyota จะยังไม่ประกาศราคาทางการ แต่จากการประเมินตามตลาดญี่ปุ่นและอเมริกา มีแนวโน้มว่า:
-
รุ่นเริ่มต้นในญี่ปุ่น: ประมาณ 3.5–4.5 ล้านเยน (ราว 900,000 – 1.1 ล้านบาท)
-
รุ่น Hybrid ในอเมริกา: เริ่มต้นประมาณ $35,000 – $45,000
-
ถ้านำเข้ามาทำตลาดในไทย (CBU หรือ CKD) ราคาจะอยู่ในช่วง 1.3 – 1.7 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและภาษีนำเข้า
สรุป – FJ Cruiser กลับมาอย่างมีสไตล์ คุ้มค่า น่าจับตามอง
FJ Cruiser 2026 คือ SUV ที่มีแนวโน้มจะกลายเป็นกระแสหลักในกลุ่มสายลุยอีกครั้ง ด้วยดีไซน์เรโทร–โมเดิร์นที่โดดเด่น ขนาดกะทัดรัดใช้งานได้จริงทุกวัน พร้อมขุมพลังและระบบขับเคลื่อนแบบจัดเต็ม
หาก Toyota เปิดราคามาได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาทเมื่อเข้าไทยจริง บอกเลยว่า “ตลาดสั่นแน่นอน” โดยเฉพาะคนที่เบื่อกับ SUV สไตล์ครอบครัวแต่อยากได้ความเท่แบบไม่เหมือนใคร