ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานกี่ปี? ทุกสิ่งที่เจ้าของรถควรรู้
หนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญที่มีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่อย่างมากคือ “ยางรถยนต์” ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ หรือรถบรรทุก ยางล้วนเป็นชิ้นส่วนเดียวที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง ทำหน้าที่รับน้ำหนัก ดูดซับแรงกระแทก ควบคุมทิศทาง และส่งแรงขับเคลื่อน ดังนั้น การดูแลรักษาและเข้าใจ อายุการใช้งานของยางรถยนต์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้รถทุกคน
 
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับอายุการใช้งานของยางรถยนต์ สัญญาณเตือนเมื่อยางเสื่อมสภาพ วิธีดูวันผลิต วิธีการดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน ตลอดจนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของคุณปลอดภัยและพร้อมใช้งานเสมอ
ยางรถยนต์มีอายุการใช้งานกี่ปี?
คำตอบแบบสากลที่ผู้ผลิตยางทั่วโลกใช้คือ 5-6 ปี นับจากวันผลิต หรือประมาณ 40,000–60,000 กิโลเมตร สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป อย่างไรก็ตาม อาจมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้อายุยางสั้นหรือยาวกว่านี้ เช่น ลักษณะการขับขี่ สภาพอากาศ พื้นถนน น้ำหนักบรรทุก การดูแลรักษา และยี่ห้อยางที่ใช้
1. อายุจากวันผลิต (Time-based lifespan)
โดยทั่วไป หากยางถูกผลิตมานานเกิน 6 ปี แม้ยังไม่เคยใช้งาน ก็ถือว่าเสื่อมสภาพได้แล้ว ยางจะเริ่มแข็งตัว ดอกยางอาจยังอยู่แต่ความยืดหยุ่นลดลง ทำให้เกาะถนนได้ไม่ดี เสี่ยงต่อการระเบิดหรือสูญเสียการควบคุม
2. อายุจากระยะทางที่ใช้งาน (Mileage-based lifespan)
ในกรณีที่รถมีการใช้งานหนัก เดินทางไกล หรือขับในสภาพถนนที่ขรุขระ ระยะการใช้งานของยางอาจลดลงเหลือเพียง 30,000–40,000 กิโลเมตร ขณะที่รถที่ใช้ในเมืองเป็นหลัก และได้รับการดูแลดี อาจใช้ได้ถึง 60,000–70,000 กิโลเมตร
วิธีดูวันผลิตของยาง
เพื่อให้รู้ว่ายางรถยนต์ของเราผลิตเมื่อไร สามารถดูได้จาก รหัส DOT ที่พิมพ์อยู่ด้านข้างของยาง เป็นรหัสตัวเลข 4 หลัก เช่น
- 
2722 = ยางผลิตในสัปดาห์ที่ 27 ของปี 2022 
- 
0119 = ยางผลิตในสัปดาห์ที่ 1 ของปี 2019 
โดยทั่วไป ไม่ควรใช้ยางที่มีอายุมากกว่า 6 ปีจากวันผลิต และควรเปลี่ยนแม้ยังไม่หมดดอกหากยางเริ่มแข็ง เสื่อม หรือมีรอยแตกร้าว
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของยาง
- 
พฤติกรรมการขับขี่ - 
ขับรถเร็ว เบรกกะทันหัน ออกตัวแรง จะทำให้ยางสึกเร็ว 
- 
ขับรถเรียบ ๆ ด้วยความเร็วปกติ ช่วยยืดอายุยางได้ 
 
- 
- 
สภาพถนน - 
ถนนขรุขระ หลุมบ่อ หรือเป็นทางดินจะทำให้ยางเสื่อมเร็วขึ้น 
- 
ถนนลาดยางเรียบจะช่วยยืดอายุการใช้งาน 
 
- 
- 
อุณหภูมิและสภาพอากาศ - 
ยางเสื่อมเร็วขึ้นในอุณหภูมิสูง เพราะยางขยายตัวและแข็ง 
- 
ยางที่ใช้ในพื้นที่หนาวเย็นจัดหรือละอองน้ำแข็งอาจเสื่อมสภาพเร็วเช่นกัน 
 
- 
- 
แรงดันลมยาง - 
ลมอ่อนเกินไป ยางบวมและสึกเร็ว 
- 
ลมแข็งเกินไป ทำให้ยางแข็งตัวและเกาะถนนลดลง 
 
- 
- 
น้ำหนักบรรทุก - 
รถที่บรรทุกของหนักเกินพิกัด ทำให้ยางสึกและเสื่อมเร็วกว่าปกติ 
 
- 
- 
การดูแลรักษาและตั้งศูนย์ถ่วงล้อ - 
หากตั้งศูนย์ไม่ตรง หรือไม่ได้ถ่วงล้อ ยางจะสึกไม่สม่ำเสมอและเสื่อมเร็ว 
 
- 
สัญญาณที่บ่งบอกว่ายางควรเปลี่ยน
- 
ดอกยางต่ำกว่า 2-3 มิลลิเมตร - 
สามารถใช้ไม้ขีดหรือเกจวัดดอกยางวัดได้ 
- 
ยางที่ดอกตื้นเกินไปจะลื่นในน้ำ เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ 
 
- 
- 
ยางแตกลายงา ร้าว หรือบวม - 
หากสังเกตเห็นรอยแตก หรือบวมด้านข้าง ควรรีบเปลี่ยนทันที 
 
- 
- 
ขับแล้วสั่นหรือมีเสียงผิดปกติ - 
อาจเกิดจากยางไม่สมดุล หรือลูกปืนล้อ แต่หากยางเริ่มเสื่อมสภาพ ก็อาจทำให้เกิดอาการนี้ได้ 
 
- 
- 
มีรอยฉีกขาดหรือถูกของแหลมตำ - 
ถ้าตำลึกเกินซ่อมได้ หรืออยู่ใกล้แก้มยาง ควรเปลี่ยนใหม่ทันที 
 
- 
- 
อายุยางเกิน 5-6 ปี - 
ถึงแม้จะใช้งานไม่มาก หรือดูเหมือนยังดีอยู่ ก็ควรเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัย 
 
- 
เทคนิคยืดอายุการใช้งานของยาง
- 
ตรวจสอบลมยางทุกเดือน - 
ปรับให้ตรงตามคำแนะนำของผู้ผลิต โดยดูจากสติ๊กเกอร์ข้างประตูหรือคู่มือรถ 
 
- 
- 
หมุนยางทุก 10,000 กิโลเมตร - 
เพื่อให้ดอกยางสึกอย่างสม่ำเสมอทั้งสี่ล้อ 
 
- 
- 
ตั้งศูนย์และถ่วงล้อเป็นประจำ - 
โดยเฉพาะหลังจากขับชนหลุมหรือฟุตบาทแรง ๆ 
 
- 
- 
ล้างยางและดูแลสภาพภายนอก - 
ไม่ให้ยางสะสมฝุ่น ดิน หรือคราบน้ำมันที่อาจกัดเนื้อยาง 
 
- 
- 
ขับขี่อย่างนุ่มนวล - 
ไม่เร่งเครื่องและเบรกแรงโดยไม่จำเป็น 
 
- 
เปลี่ยนยางเมื่อไรดีที่สุด?
แม้ดอกยางยังไม่หมด หากพบว่ายางมีสภาพเสื่อม ควรเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัย โดยแนะนำว่า:
- 
ยางธรรมดา (ทั่วไป) ควรเปลี่ยนเมื่ออายุ 4-6 ปี 
- 
ยางที่ผ่านความร้อนหรือโดนแสงแดดจัดเป็นประจำ อาจต้องเปลี่ยนใน 3-4 ปี 
- 
ยางที่รถใช้น้อยมาก เช่น รถจอดในบ้าน อาจดูเหมือนยังดี แต่ควรเปลี่ยนตามอายุ ไม่เกิน 6 ปี 
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านยางรถยนต์
- 
Michelin: แนะนำให้ตรวจเช็กรถทุกปีหลังจากยางมีอายุ 5 ปี และเปลี่ยนเมื่อครบ 10 ปีแม้ไม่ได้ใช้งาน 
- 
Bridgestone: ยางจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดภายใน 5 ปีแรกหลังจากผลิต 
- 
Goodyear: ยางที่ผ่านการใช้งานอย่างหนักควรพิจารณาเปลี่ยนภายใน 40,000 กิโลเมตร 
สรุป: อย่ามองข้ามเรื่องเล็กๆ อย่างยางรถ
แม้ยางจะเป็นแค่ชิ้นส่วนหนึ่งของรถยนต์ แต่ก็มีบทบาทสำคัญต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ การรู้จักอายุการใช้งานของยาง วิธีดูวันผลิต วิธีตรวจสอบสภาพ และการบำรุงรักษาเบื้องต้น จะช่วยให้คุณใช้ยางได้เต็มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้อย่างมาก
หากคุณไม่แน่ใจว่ายางที่ใช้อยู่ยังปลอดภัยหรือไม่ อย่ารอให้เกิดเหตุไม่คาดฝัน ตรวจเช็กวันนี้ เพื่อความอุ่นใจในทุกการเดินทาง
 

 
			                                 
			                                 
			                                 
                                 
                                 
                                 
 
 
 
 
 
 
 
