Honda Civic Next Gen Hybrid 2026–2027 แรง 200 แรงม้า ประหยัด 27 กม./ลิตร
Honda Civic Next Gen Hybrid 2026–2027 คืออีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของรถซีดานระดับตำนานจากค่ายฮอนด้า หลังจากประสบความสำเร็จในเจเนอเรชันที่ 11 รุ่นใหม่นี้จะยกระดับทั้งดีไซน์ สมรรถนะ และเทคโนโลยีภายใน ให้ก้าวไปสู่ยุค “Full Hybrid Platform” อย่างเต็มตัว พร้อมระบบขับเคลื่อนใหม่ที่แรงขึ้น ประหยัดขึ้น และตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่มองหารถขับดี ประหยัด และดูหรูในคันเดียว

ตลอดกว่า 50 ปีที่ผ่านมา Honda Civic เป็นหนึ่งในรถซีดานที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เพราะมีจุดแข็งคือขับสนุก ดีไซน์ดูดี และบำรุงรักษาง่าย
แต่ในยุคที่รถไฟฟ้าและไฮบริดเริ่มกลายเป็นกระแสหลัก ฮอนด้าจึงปรับโฉม Civic ใหม่หมดจด ภายใต้แนวคิด “Next Generation Hybrid Platform”
Civic Next Gen Hybrid 2026–2027 จึงไม่ใช่แค่รุ่นปรับโฉม (Facelift) แต่คือการก้าวข้ามไปอีกขั้นของ Civic ที่ทั้งโครงสร้าง ตัวถัง ระบบขับเคลื่อน และอุปกรณ์ภายใน ถูกออกแบบใหม่เพื่อรองรับอนาคตของการขับขี่ที่ทั้งสะดวกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ราคาคาดการณ์และการวางจำหน่าย
แม้ Honda Thailand จะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลในต่างประเทศ (สหรัฐฯ / ยุโรป) Honda Civic Hybrid รุ่นปี 2026 มีราคาประมาณ US $24,500–30,000
หรือราว 1.0–1.3 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย
เมื่อมองจากราคาปัจจุบันของ Civic e:HEV RS ในไทยที่ 1.27 ล้านบาท คาดว่ารุ่น Next Gen Hybrid อาจอยู่ในช่วง 1.3–1.4 ล้านบาท หากเปิดตัวในไทยช่วงปี 2026 ปลายปีหรือต้น 2027
จุดสังเกต:
Honda มีแนวโน้มเปิดตัว Civic Next Gen Hybrid ในไทย “หลังจาก” เปิดตัวในญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ไม่นาน ซึ่งจะเป็นโมเดล MY 2027 ที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ทั้งคัน

ดีไซน์ภายนอก – “สปอร์ตเรียบหรู ลู่ลมกว่าเดิม”
Civic Next Gen Hybrid 2026 ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวทาง “Human Centered Design”
คือเน้นความเรียบ ลู่ลม และดูแข็งแรงมากขึ้น ตัวรถดูเตี้ยลงเล็กน้อยแต่กว้างขึ้นกว่าเดิม ทำให้ได้อารมณ์สปอร์ตและมั่นคงบนถนน
-
กระจังหน้าใหม่ ทรงแนวนอน เสริมด้วยไฟหน้า LED แบบคมเข้มรับกับกันชน
-
ฝากระโปรงหน้า มีเส้นสายยกนูนเพิ่มมิติ
-
ไฟท้ายแบบ C-Shape LED Signature ดีไซน์ใหม่ ช่วยให้ดูเด่นเวลาเปิดไฟกลางคืน
-
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วลายใหม่ พร้อมยางประสิทธิภาพสูง
-
ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ (Cd) ต่ำกว่าเดิม ~0.27 เท่านั้น ช่วยให้ขับเงียบและประหยัดน้ำมันขึ้น
โดยรวมแล้ว ดีไซน์ของ Civic Next Gen Hybrid ออกแนว “เรียบแต่แพง” ดูมีรสนิยม ไม่หวือหวาเกินไป แต่ยังคงเอกลักษณ์ของ Civic ไว้อย่างครบถ้วน
ดีไซน์ภายใน – ความหรูที่ขยับเข้าใกล้ Accord
Honda พัฒนาให้ห้องโดยสารของ Civic Next Gen Hybrid “ขยับเข้าใกล้ Accord”
ทั้งในเรื่องวัสดุและเทคโนโลยีภายใน เช่น
-
แผงคอนโซลใหม่ ใช้เส้นแนวนอนยาวต่อเนื่องถึงประตู
-
หน้าจอ Touchscreen ขนาด 12.3 นิ้ว (รุ่นสูงสุด) รองรับ Apple CarPlay / Android Auto ไร้สาย
-
มาตรวัด Full Digital 12.3 นิ้ว พร้อมโหมด Custom Display
-
พวงมาลัยใหม่ทรง D-Shape จับถนัด พร้อม Paddle Shift ไฟฟ้า
-
เบาะหนัง Soft Touch เดินด้ายสีแดง / ดำ แบบสปอร์ต
-
ช่องชาร์จ USB-C และแท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charging)
-
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ Dual Zone และช่องแอร์แถวหลัง
Honda ยังปรับเสียงรบกวนภายในด้วยการเสริมฉนวนรอบคัน รวมถึงยางรองแท่นเครื่องแบบ Hydraulic Mount เพื่อลดแรงสั่นสะเทือน
ขุมพลังใหม่ – e:HEV 200 แรงม้า แรงและประหยัดกว่าเดิม
หัวใจสำคัญของ Civic Next Gen Hybrid 2026–2027 คือขุมพลังใหม่แบบ Full Hybrid Generation 2
ซึ่งต่อยอดจากระบบ e:HEV ที่ใช้ใน Civic RS ปัจจุบัน แต่ได้รับการปรับปรุงในทุกจุด
| รายการ | Civic e:HEV RS (ปัจจุบัน) | Civic Next Gen Hybrid (ใหม่ 2026) |
|---|---|---|
| เครื่องยนต์ | 2.0 ลิตร Atkinson Cycle | 2.0 ลิตร Atkinson Cycle พัฒนาใหม่ |
| กำลังสูงสุด (รวมระบบ) | 184 แรงม้า | 200 แรงม้า |
| แรงบิดรวม | 315 นิวตันเมตร | 340 นิวตันเมตร |
| เกียร์ | E-CVT | E-CVT รุ่นปรับปรุงใหม่ (ตอบสนองไวขึ้น) |
| อัตราสิ้นเปลือง | ~25 กม./ลิตร | ~27 กม./ลิตร (คาดการณ์) |
ระบบ Hybrid ใหม่นี้ใช้มอเตอร์คู่ (Motor Dual Drive) พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนที่มีความจุเพิ่มขึ้น 20 % ช่วยให้สามารถขับในโหมดไฟฟ้าล้วน (EV Mode) ได้ระยะสั้นๆ ในเมืองโดยไม่ต้องใช้น้ำมันเลย
ระบบขับเคลื่อนและช่วงล่าง
Honda ปรับจุดศูนย์ถ่วงตัวรถให้ต่ำลง 10 มม. และขยายฐานล้อเล็กน้อย (+20 มม.)
ส่งผลให้การเข้าโค้งและทรงตัวดีกว่าเดิม
-
ระบบกันสะเทือนหน้า MacPherson Strut และหลัง Multi-Link ปรับจูนใหม่
-
พวงมาลัย EPS รุ่นล่าสุด ให้แรงตอบสนองไวขึ้น 15 %
-
ระบบ Agile Handling Assist ช่วยคุมเสถียรภาพในโค้ง
-
โหมดการขับ 4 แบบ (Eco / Normal / Sport / Individual)
ทั้งหมดนี้ทำให้ Civic Next Gen Hybrid ขับสนุกในเมือง แต่ก็มั่นใจเวลาใช้ความเร็วบนทางยาว
เทคโนโลยีและระบบความปลอดภัย
Honda Next Gen Hybrid ติดตั้งชุดระบบ Honda SENSING Gen 2
ที่พัฒนาขึ้นจากรุ่นเดิม โดยใช้กล้องมุมมองกว้าง 100 องศา + เรดาร์หน้า
ประกอบด้วย:
-
ระบบเตือนการชนพร้อมเบรกอัตโนมัติ (CMBS)
-
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC with Low Speed Follow)
-
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKAS)
-
ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถด้านหน้าเคลื่อน (Lead Car Departure Notification)
-
ระบบอ่านป้ายจราจร (TSR)
-
กล้องรอบคัน 360° + จอดอัตโนมัติ Smart Parking Assist
-
เซนเซอร์ตรวจจับคนเดินถนนและจักรยานรุ่นใหม่
ด้านโครงสร้างใช้แพลตฟอร์มใหม่ “Honda Architecture Hybrid Platform”
ที่น้ำหนักเบาลง แต่แข็งแรงขึ้น เพิ่มความปลอดภัยเวลาชนด้านข้างและด้านหน้า
จุดเด่นของ Honda Civic Next Gen Hybrid
-
ขุมพลังใหม่ แรงขึ้นแต่ประหยัดกว่าเดิม
ระบบ e:HEV 200 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร ขับสนุกกว่าเดิม แต่ยังได้ความประหยัดระดับ 27 กม./ลิตร -
ดีไซน์เรียบหรู ดูล้ำกว่าเดิม
โครงสร้างใหม่ ลู่ลมกว่าเดิม ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แต่ยังมี DNA ของ Civic ที่ขับเท่ได้ทุกวัย -
ภายในหรูสไตล์ Accord แต่ราคายังจับต้องได้
วัสดุดีขึ้น จอใหญ่ 12.3 นิ้ว ครบทั้ง Apple CarPlay / Android Auto ไร้สาย -
เทคโนโลยี Honda Sensing Gen 2 ครบทุกระบบ
เพิ่มระบบความปลอดภัยเชิงรุก ช่วยขับ ช่วยเบรก และกล้องรอบคันแบบใหม่ -
มูลค่าขายต่อและความทนทานจากแบรนด์ Honda
ฮอนด้ายังครองใจผู้ใช้ในไทยจากความน่าเชื่อถือ ศูนย์บริการทั่วประเทศ และอะไหล่หาได้ง่าย
ข้อควรพิจารณา
-
ราคาน่าจะขยับขึ้นจากรุ่นปัจจุบัน ประมาณ +100,000 บาท
-
หากชอบความแรงแบบเทอร์โบ (1.5 VTEC TURBO) รุ่น Hybrid อาจตอบสนองต่างกัน (เน้นเรียบแต่แรงสม่ำเสมอ)
-
ระบบ Hybrid ต้องดูแลแบตเตอรี่ในระยะยาว แต่ Honda มีประกัน Hybrid 8 ปี ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจ
สรุป – Civic Next Gen Hybrid คันเดียวครบทั้งขับดีและคุ้มค่า
ถ้าพูดถึงรถซีดานระดับ C-Segment ที่ “ขับดี ประหยัด และดูดี” ชื่อของ Honda Civic Next Gen Hybrid 2026–2027 คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้
ฮอนด้ายังคงเอกลักษณ์ความสนุกในการขับ แต่เพิ่มเทคโนโลยีและความหรูเข้าไปเต็มขั้น
เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการรถ 1 คันสำหรับทุกวัน ทั้งขับไปทำงาน พาครอบครัวเที่ยว และยังให้ภาพลักษณ์ภูมิฐาน
เรียกได้ว่า “Civic รุ่นนี้” คือการรวมจิตวิญญาณความสปอร์ตกับยุคแห่งความประหยัดไว้อย่างลงตัวที่สุด