วิธีดูยางรถยนต์ปีที่ผลิต ดูยังไงให้เป็น ยางใหม่หรือเก่าเช็กได้ง่าย

หนึ่งในสิ่งที่เจ้าของรถหลายคนมักมองข้ามเวลาเปลี่ยนยาง คือ “ปีที่ผลิตของยางรถยนต์” เพราะแม้ยางจะดูใหม่ ไม่มีรอยแตก แต่ถ้าผลิตมานานเกินไป สมรรถนะก็ลดลง เสี่ยงต่อการระเบิดหรือเกาะถนนได้ไม่ดี บทความนี้จะพาไปดูแบบละเอียดว่า วิธีดูยางรถยนต์ปีที่ผลิตดูยังไง, ตัวเลขบนยางหมายถึงอะไร และอายุยางกี่ปีถึงควรเปลี่ยน

ทำไมต้องดูปีที่ผลิตของยางรถยนต์

ยางรถยนต์ไม่ใช่แค่ชิ้นส่วนที่หมุนไปพร้อมล้อเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ “สัมผัสถนนโดยตรง” การรู้ ปีที่ผลิตของยาง จะช่วยให้คุณ:

• ตรวจสอบได้ว่ายางที่ซื้อเป็น “ของใหม่จริง” หรือ “ยางเก่าค้างสต็อก”

• ประเมินได้ว่า ยางหมดอายุหรือยัง

• ปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของรถ

โดยทั่วไป อายุการใช้งานของยางอยู่ที่ประมาณ 3–5 ปี นับจาก “ปีที่ผลิต” ไม่ใช่จาก “ปีที่เริ่มใช้งาน” เท่านั้น

วิธีดูยางรถยนต์ปีที่ผลิต (แบบละเอียด)

มองหาตัวเลข “DOT” ที่แก้มยาง

ทุกเส้นของยางจะมีตัวอักษร “DOT” ซึ่งย่อมาจาก Department of Transportation (มาตรฐานจากสหรัฐฯ)
หลังจากคำว่า DOT จะมี รหัสตัวอักษรและตัวเลขประมาณ 10 ตัว ซึ่งระบุข้อมูลโรงงานผลิต รุ่น และ สัปดาห์ + ปีที่ผลิต

• 5M0A = รหัสโรงงานผลิต

• 4223 = สัปดาห์ที่ 42 ของปี 2023
  ดังนั้นยางเส้นนี้ผลิตใน เดือนตุลาคม ปี 2023

เทคนิคสังเกตยางปีใหม่หรือยางค้างสต็อก

หลายร้านขายยางอาจมีของค้างสต็อก เช่น ยางผลิตปลายปีที่แล้ว แต่เพิ่งนำมาขายปีนี้ ซึ่งถือว่า “ยังใหม่ใช้งานได้” ถ้าเก็บในที่แห้งและอุณหภูมิควบคุม
อย่างไรก็ตาม ถ้าเจอ ยางที่ผลิตเกิน 2 ปีขึ้นไป ควรถามร้านก่อนว่าเก็บอย่างไร และต่อรองราคาลงได้

ทริคง่าย ๆ

• ถ้ายางผลิตภายใน 1 ปีที่ผ่านมา ถือว่า “ใหม่”

• ผลิต 1–2 ปี ยังใช้ได้ แต่ควรลดราคา

• ผลิตเกิน 3 ปี ไม่ควรซื้อ ยกเว้นราคาถูกมากและมีการรับประกัน

วิธีดูอายุยางรถยนต์และระบุว่ายางหมดอายุหรือยัง

แม้ยางจะผลิตใหม่ แต่ถ้าใช้งานมานาน หรือโดนแดดจัด ความร้อนสูง ยางก็เสื่อมได้เช่นกัน
โดยทั่วไป อายุยางที่เหมาะสมคือไม่เกิน 5 ปี หรือเมื่อครบ 50,000–60,000 กิโลเมตร

สัญญาณว่ายางเริ่มหมดอายุ:

• เนื้อยางเริ่มแข็งหรือแตกลายงา

• เสียงดังขึ้นเมื่อวิ่งเร็ว

• เกาะถนนไม่ดี โดยเฉพาะตอนฝนตก

• ดอกยางต่ำกว่า 1.6 มม. (มีแถบเตือนดอกยางบนตัวยาง)

ตัวอย่างภาพและตำแหน่งตัวเลข DOT

(สามารถใส่รูปประกอบได้ เช่น)

• รูปวงกลมจุด “DOT 4023” ที่แก้มยาง

• ลูกศรชี้บอกว่าเลขอยู่ตรงด้านนอกหรือด้านใน

Tip: ถ้ามองไม่เห็นตัวเลขด้านนอก ให้ลองส่องฝั่งใน เพราะบางยี่ห้อสลักปีที่ผลิตไว้ข้างเดียว

ยี่ห้อยางแต่ละแบรนด์ ดูปีที่ผลิตเหมือนกันไหม?

โดยทั่วไป หลักการดูปีที่ผลิตเหมือนกันทุกยี่ห้อ แต่ตำแหน่งอาจต่างกันเล็กน้อย

• Michelin / Bridgestone / Yokohama / Goodyear: มักอยู่ใกล้ขอบล้อ

• Continental / Pirelli / Hankook: อยู่ฝั่งด้านในของยาง

ยางเก่ากับความปลอดภัย: อย่าประหยัดผิดที่

แม้ยางเก่าจะดูสภาพดี แต่เมื่อเนื้อยางแข็ง ความยืดหยุ่นลดลง ทำให้:

• ระยะเบรกยาวขึ้น

• เข้าโค้งแล้วหลุดไถลง่าย

• โอกาสระเบิดเมื่อเจอความร้อนสูงเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะในประเทศไทยที่อากาศร้อนจัดตลอดปี ยางที่อายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป ควรเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยทั้งผู้ขับและผู้โดยสาร

วิธีเลือกซื้อยางใหม่ให้ปลอดภัยและคุ้มค่า

1. ดูปีที่ผลิตก่อนเสมอ — อย่าเลือกยางที่ผลิตเกิน 2 ปี

2. เลือกยางให้ตรงขนาดกับสเปคในคู่มือรถ

3. เลือกลายดอกยาง ให้เหมาะกับสไตล์การขับ (เช่น ยางประหยัดน้ำมัน, ยางเกาะถนน, ยางเงียบ)

4. ดูศูนย์บริการที่น่าเชื่อถือ เช่น ร้านยางมาตรฐานหรือศูนย์ใหญ่ที่รับประกันสินค้า

5. สอบถามการรับประกัน ทั้งในกรณีรั่ว บวม หรือยางแตก

สรุป: ดูปีที่ผลิตยางไม่ยาก แต่ช่วยให้ปลอดภัยและประหยัดกว่า

สรุปง่าย ๆ ว่า

• หาคำว่า DOT ที่แก้มยาง

• ดู 4 ตัวท้าย เช่น 4223 → หมายถึงสัปดาห์ที่ 42 ปี 2023

• เปลี่ยนยางทุก 3–5 ปี หรือเมื่อมีสัญญาณเสื่อม

หากคุณกำลังจะซื้อยางใหม่ อย่าลืมเช็กปีที่ผลิตก่อนทุกครั้ง เพื่อให้ได้ยาง “ใหม่จริง ปลอดภัยจริง” ไม่เสี่ยงขับบนถนนด้วยยางที่หมดอายุโดยไม่รู้ตัว

สรุปคำถามยอดฮิต (FAQ)

Q: ยางที่ผลิตมาแล้ว 1 ปี ถือว่าเก่าหรือยัง?
A: ยังไม่เก่า ถ้าจัดเก็บดี ไม่โดนแดด สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

Q: ดูปีที่ผลิตแล้วไม่เข้าใจ ต้องดูร้านอย่างไรดี?
A: ให้พนักงานชี้ตำแหน่งเลข DOT และแปลให้ดูได้เลย เช่น “0924” คือสัปดาห์ที่ 9 ปี 2024

Q: อายุยางรถยนต์สูงสุดกี่ปี?
A: ไม่ควรเกิน 6 ปี แม้ยังไม่หมดดอก เพราะเนื้อยางจะแข็งและเสื่อมตามธรรมชาติ