Mazda 6e BEV คาดเปิดประเทศไทยในงาน Motor Expo 2025
Mazda 6e คือหนึ่งในรถซีดานไฟฟ้าที่ถูกจับตามองมากที่สุดตอนนี้ เพราะนี่อาจเป็นการ “กลับมาอีกครั้ง” ของ Mazda 6 แต่ในรูปแบบใหม่ทั้งหมดแบบ BEV – ไฟฟ้า 100% ซึ่งอิงจากข้อมูลหน้าเว็บ Mazda Thailand ที่เริ่มโปรโมตแล้ว และรีวิวต่างประเทศอย่าง TopGear ที่ได้ทดลองขับรุ่นพวงมาลัยขวาไปก่อน

ในบทความนี้ ผมจะสรุปภาพรวม Mazda 6e แบบเข้าใจง่าย พร้อม “คาดการณ์ก่อนเข้าไทย” ว่าตัวจริงจะได้สเปกแบบไหน ราคาอาจอยู่ช่วงเท่าไร และเหมาะกับใคร
Mazda 6e จะมาไทยเมื่อไหร่?
ตอนนี้ Mazda Thailand เปิดหน้าเว็บ mazda.co.th/mazda6e แล้วอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสัญญาณชัดว่า Mazda 6e กำลังจะถูกนำมาเปิดตัวในไทยแน่นอน
หลายแหล่งข่าวคาดกันว่าตัวรถจะ อาจมาโชว์ครั้งแรกในงาน Motor Expo 2025 ช่วงปลายปี
และมีโอกาสเปิดราคาไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026
จากทิศทางของ Mazda ที่ประกาศลงทุนด้าน EV ในไทย จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า Mazda 6e จะเป็นหนึ่งในโมเดลสำคัญที่ใช้ปูทางสู่ตลาดรถไฟฟ้าของแบรนด์
ราคาคาดการณ์ Mazda 6e ในไทย
ในต่างประเทศ Mazda 6e ถูกวางตำแหน่งเป็น “ซีดานไฟฟ้าระดับกลาง” ที่พรีเมียมขึ้นจาก Mazda 3
ดังนั้นราคาของรุ่นไทย (นำเข้า) คาดว่าอาจอยู่ประมาณ:
-
1.7 – 2.0 ล้านบาท สำหรับรุ่นเริ่มต้น (ถ้าใช้แบตเตอรี่เล็กกว่า)
-
2.1 – 2.4 ล้านบาท สำหรับรุ่นท็อป (ถ้าใช้แพลตฟอร์มตัวใหญ่ + มอเตอร์แรงขึ้น)
ราคานี้คือการ คาดการณ์ (ไม่ใช่ราคาจริง) โดยเทียบจากสเปก และตำแหน่งของรุ่นในตลาด EV ปี 2025–2026


ดีไซน์ภายนอก – ความเป็น Mazda ที่ล้ำกว่าที่เคย
Mazda 6e ยังคงวิญญาณ “Kodo Design” แต่ถูกปรับให้ทันสมัยขึ้นด้วยความเรียบ คม และลู่ลมแบบรถไฟฟ้าแท้ ๆ
จุดเด่นภายนอกที่เห็นจากเวอร์ชันโลก เช่น:
-
กระจังหน้าแบบทึบสไตล์รถ EV
-
ไฟหน้า LED เรียวคม ดูพรีเมียมมาก
-
เส้นสายตัวถังแบบ Fastback สวยสะอาดตา
-
ล้อขนาดใหญ่ 18–20 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่น)
-
ระยะโอเวอร์แฮงสั้น ทำให้ดูสปอร์ตเหมือนรถคูเป้ 4 ประตู
รวม ๆ แล้ว Mazda 6e มีความ “หรู เงียบ และสปอร์ตมากขึ้น” เหมาะทั้งวัยทำงานและผู้บริหารรุ่นใหม่


ภายใน – โมเดิร์น เรียบหรู พรีเมียมมากขึ้น
จากข้อมูลหน้าเว็บ Mazda Thailand, Mazda 6e ถูกปรับภายในใหม่ทั้งหมด:
-
หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่
-
มาตรวัดดิจิทัลเต็มระบบ
-
เบาะหนังดีไซน์ใหม่ รองรับสรีระแบบรถไฟฟ้า
-
ช่องเก็บของมากขึ้น เพราะไม่มีอุปกรณ์เครื่องยนต์
-
วัสดุภายในที่ดูหรูขึ้น เช่น หนังสังเคราะห์คุณภาพสูง, แผงตกแต่งแบบ Satin Chrome
-
ห้องโดยสารโปร่ง โล่ง เพราะแพลตฟอร์ม EV ทำพื้นรถราบเรียบ
TopGear รีวิวไว้ว่าห้องโดยสาร “ดูแพงกว่าที่คาด” และมีความใกล้เคียงกับ Mazda CX-60 หรือ CX-70 ในสไตล์ญี่ปุ่นพรีเมียม

สเปก + สมรรถนะ (คาดเดาจากข้อมูลสากล)
Mazda 6e ในต่างประเทศมีชื่อเรียก EZ-6 โดยใช้พื้นฐานร่วมกับ EV แพลตฟอร์มของ Mazda + Partner (Changan Deepal)
สเปกที่คาดว่าจะเข้ามาไทย:
แบตเตอรี่ ~70 – 80 kWh
-
ระยะทางวิ่งประมาณ 550–600 กม. ต่อชาร์จ (มาตรฐาน CLTC)
-
คาดว่าระยะจริง WLTP จะอยู่ราว 400–500 กม. ซึ่งถือว่าเพียงพอมากสำหรับรถซีดานไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้า
-
รุ่นขับหลัง (RWD) กำลังประมาณ 190–215 แรงม้า
-
อาจมีรุ่น AWD ในอนาคต หาก Mazda ต้องการทำรุ่นสมรรถนะ
ชาร์จเร็ว DC
-
รองรับสูงสุดประมาณ 100–150 kW
-
ชาร์จ 30–80% ในเวลาประมาณ 25–30 นาที
การขับขี่
TopGear รีวิวว่ารถให้ความรู้สึก “Mazda-like” คือพวงมาลัยดี ควบคุมง่าย คันเร่งตอบสนองเรียบ แต่แรงต่อเนื่องเหมือนรถไฟฟ้ารุ่นใหม่
จุดเด่นคือ ความเงียบ + ช่วงล่างนุ่ม แต่เกาะถนนดี

เทคโนโลยีภายใน & ความปลอดภัย
Mazda 6e จะมาพร้อม:
-
ระบบช่วยขับ i-Activsense เวอร์ชันล่าสุด
-
เรดาร์หน้า–หลัง
-
กล้องรอบคัน 360°
-
ระบบควบคุมความเร็วแบบ Adaptive
-
ระบบเตือนรถในมุมอับสายตา + เตือนขณะถอย
-
ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน
เทคโนโลยีโดยรวมดูครบสมบูรณ์พร้อมลุยตลาดรถไฟฟ้ากลุ่มพรีเมียมระดับ 1.5–2 ล้านในไทย
จุดเด่นที่ทำให้ Mazda 6e น่าจับตา
-
เป็น ซีดานไฟฟ้า ที่ดีไซน์สวยกว่า EV หลายคันในตลาด
-
ห้องโดยสารดูหรู นั่งสบาย เหมือน Lexus รุ่นเล็ก
-
Mazda ใส่ใจ “ความรู้สึกในการขับ” มากกว่าตัวเลขแรงม้า
-
วิ่งไกลกว่า EV หลายรุ่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน
-
เป็นตัวเลือกใหม่สำหรับคนเบื่อ EV ทรง SUV
ข้อสังเกต / ความเสี่ยงที่ต้องรู้
-
ราคายังไม่ประกาศ อาจอยู่ราว 1.8–2.3 ล้านบาท
-
เป็นโมเดลใหม่ ถ้าเข้ามาไทยอาจเริ่มด้วยรุ่นนำเข้าทั้งคัน
-
ศูนย์บริการ EV ของ Mazda ยังต้องขยายอีกในอนาคต
-
ถ้าราคาสูงเกินไปอาจชนกับ Tesla Model 3 หรือ BYD Seal U ที่ได้สเปกคุ้มกว่า
สรุป Mazda 6e – ซีดานไฟฟ้าที่หลายคนรอ
Mazda 6e คือรถที่น่าสนใจมาก เพราะมัน ไม่ใช่ EV ที่ทำมาเพื่อตลาดมวลชน แต่เป็น EV ที่เน้นดีไซน์พรีเมียม ความสบาย และความสนุกแบบ Mazda ยุคใหม่
ถ้ามาไทยช่วง Motor Expo 2025 ตามที่หลายเว็บคาดการณ์ไว้ ถือเป็นหนึ่งในรถไฟฟ้าที่น่าจับตามากที่สุดช่วงปลายปี
เหมาะกับคนที่ต้องการ EV สวย ขับดี ไม่ตามกระแส SUV และอยากได้ความแตกต่างไม่เหมือนใคร