Toyota GR Supra 2025 รีวิว สปอร์ตคูเป้ 382 แรงม้า RWD
หากพูดถึงชื่อ “Supra” สำหรับสายรถสปอร์ต คำนี้ไม่ใช่แค่ชื่อรุ่น แต่มันคือ อารมณ์ ความรู้สึก และความทรงจำของยุครุ่งเรืองแห่ง JDM ในยุค 90s … แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 2 ทศวรรษ Toyota GR Supra ยุคใหม่ก็ยังคงสานต่อตำนานได้อย่างภาคภูมิ และในปี 2025 นี้ Supra ก็ได้รับการปรับจูนให้ดียิ่งขึ้นในหลายด้าน โดยยังคงรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ครบ
จุดยืนของ GR Supra ในปี 2025
Toyota GR Supra ปี 2025 คือการรวมร่างระหว่าง ความแม่นยำของวิศวกรรมเยอรมัน และ จิตวิญญาณของสปอร์ตญี่ปุ่น ได้อย่างลงตัว ขุมพลังยังคงเป็นเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบ 3.0 ลิตร จาก BMW พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือก กลายเป็นรถที่ทั้งขับสนุก ขับได้จริง และไม่ต้องเสียสไตล์
ขุมพลังที่ซ่อนความดิบใต้ฝากระโปรง
จุดเด่นที่สุดของ GR Supra ยังคงเป็นเครื่องยนต์ 3.0L Twin-scroll Turbo Inline-6 รหัส B58 ที่ส่งมาจาก BMW ซึ่งถูกจูนโดยทีม Toyota Gazoo Racing
รายละเอียดทางเทคนิค
-
กำลังสูงสุด: 382 แรงม้า @ 5,800–6,500 รอบ/นาที
-
แรงบิดสูงสุด: 499 นิวตันเมตร @ 1,800–5,000 รอบ/นาที
-
ระบบขับเคลื่อน: ขับหลัง (RWD) พร้อม LSD
-
เกียร์: อัตโนมัติ ZF 8 สปีด หรือ เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
-
อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม.: ประมาณ 4.1–4.3 วินาที
จุดที่ทำให้ GR Supra แตกต่างจากรถสปอร์ตทั่วไปคือ “ช่วงกว้างของแรงบิด” ที่จัดจ้านตั้งแต่รอบต่ำ จนถึงกลางและปลายรถยังไหลไม่มีหมด
ระบบช่วงล่าง – เซ็ตมาให้ขับสนุก แต่ไม่ทรมาน
GR Supra 2025 มาพร้อมกับระบบ Adaptive Variable Suspension (AVS) ที่ช่วยให้รถสามารถปรับความแข็งอ่อนของโช้กอัตโนมัติตามสไตล์การขับขี่ ไม่ว่าจะขับเรื่อย ๆ ในเมือง หรือซัดบนแทร็ก ก็สามารถควบคุมได้มั่นใจ
-
ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแม่นยำ น้ำหนักดีในทุกช่วงความเร็ว
-
ระบบเบรกขนาดใหญ่ พร้อมคาลิเปอร์ 4 พอต ด้านหน้า
-
การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่เกือบ 50:50
รถรุ่นนี้ได้รับการพัฒนาร่วมกับทีมวิศวกรจาก Toyota Gazoo Racing โดยใช้สนาม Nürburgring เป็นสนามหลักในการทดสอบ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงเป็นรถที่ “ตั้งใจขับแล้วสนุกจริง”
ดีไซน์ภายนอก – สายพันธุ์สปอร์ตที่โฉบเฉี่ยวและมีเอกลักษณ์
GR Supra ยังคงใช้แนวทางของการออกแบบสไตล์สปอร์ตคูเป้ หลังคาทรง Double-Bubble ที่ช่วยลดแรงต้านอากาศ พร้อมเส้นสายตัวรถที่พริ้วไหวในแบบ Functional Aerodynamics
ไฮไลต์ดีไซน์ภายนอก:
-
ไฟหน้า LED ทรงเฉียบพร้อม DRL
-
ช่องดักอากาศขนาดใหญ่ทั้งหน้า–ข้าง–หลัง
-
สเกิร์ตล่างรอบคัน เสริมความดุดัน
-
ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว
-
ฝากระโปรงหน้ายาว บ่งบอกความแรง
สำหรับรุ่นพิเศษ “Final Edition” ในปี 2025 มาพร้อมลายพิเศษ และอุปกรณ์แต่งจากโรงงานแบบครบครัน มีความเป็น Collectors Car สูงมาก
ห้องโดยสาร – เน้นคนขับเป็นศูนย์กลาง
แม้จะใช้พื้นฐานร่วมกับ BMW Z4 แต่ห้องโดยสารของ GR Supra ก็ถูกปรับปรุงให้เน้นความเป็น Driver-centric อย่างชัดเจน
-
หน้าจอกลางขนาด 8.8 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับ Apple CarPlay / Android Auto
-
ชุดเครื่องเสียง JBL 12 ลำโพง
-
พวงมาลัยสามก้านทรงสปอร์ต หุ้มหนัง
-
เบาะนั่งแบบ Bucket seat หุ้ม Alcantara หรือหนังแท้ (แล้วแต่รุ่น)
-
มี Head-Up Display, Navigation และ Wireless Charging
-
ความจุสัมภาระหลังรถ: 290 ลิตร – ใส่ของได้พอสมควร
แม้ภายในอาจดูเรียบกว่าแบรนด์ยุโรปหลาย ๆ ค่าย แต่ความเรียบคือจุดที่ทำให้ Supra ดูดุดันและใช้ขับจริงได้ทุกวัน
เทคโนโลยีความปลอดภัย – ครบครันกว่าที่คิด
Toyota ไม่ได้ลืมใส่เทคโนโลยีความปลอดภัยให้กับรถสปอร์ตคันนี้ ทั้งเชิง Active และ Passive
ระบบเด่น เช่น:
-
Adaptive Cruise Control
-
Pre-Collision System (PCS)
-
Lane Departure Alert (LDA)
-
Blind Spot Monitoring (BSM)
-
กล้องมองหลัง และ Parking Sensor
-
ถุงลมนิรภัยรอบคัน + ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
นี่คือรถสปอร์ตที่ “ใช้จริง” ได้ ไม่ใช่แค่ขับแค่วันหยุด
ราคา และรุ่นย่อย (อิงจากตลาดสหรัฐ / เทียบราคาไทยนำเข้า)
รุ่น | ราคา (USD) | ราคาโดยประมาณ (บาท) |
---|---|---|
3.0 | $57,000 | ~2.2 ล้านบาท |
3.0 Premium | $60,500 | ~2.4 ล้านบาท |
Final Edition | ไม่เปิดเผย | คาดว่า 3.0+ ล้านบาท |
สำหรับตลาดไทยมีโอกาสเข้ามาในรูปแบบนำเข้าทั้งคันโดย Toyota Thailand (เกรย์มาร์เก็ตมีแน่นอน)
ข้อดี – จุดสังเกตของ GR Supra 2025
✅ ข้อดี
-
เครื่องยนต์ 6 สูบ เทอร์โบแรงจัดตั้งแต่รอบต่ำ
-
ช่วงล่าง AVS เซ็ตมาให้ขับสนุก
-
ดีไซน์ดุดัน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
-
มีเกียร์ธรรมดาให้เลือก
-
ฟีเจอร์ทันสมัย ใช้งานได้จริงทุกวัน
-
คุณค่าทางจิตใจสูงสำหรับสาย JDM
⚠ จุดสังเกต
-
ไม่มีรุ่นเครื่องยนต์ 2.0L อีกต่อไป (เลิกผลิต)
-
ไม่มีเบาะหลัง – ขับได้แค่ 2 คน
-
การบำรุงรักษาแพงกว่ารถญี่ปุ่นทั่วไป
-
รุ่น Final Edition ผลิตจำกัด จับจองยาก
เหมาะกับใคร?
-
คนที่เคยฝันถึง Supra ตั้งแต่ยุค Fast & Furious และมีโอกาสเป็นเจ้าของ
-
ผู้ที่ต้องการรถสปอร์ตใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
-
สายขับรถที่ต้องการ “การควบคุม” มากกว่าแรงอย่างเดียว
-
คนที่อยากมีรถสะสมซึ่งอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต
สรุป – GR Supra 2025 ยังเป็นตำนานที่เดินหน้าได้อีกไกล
แม้จะมีเสียงถกเถียงตั้งแต่วันเปิดตัวว่า GR Supra เป็น Toyota หรือ BMW มากกว่ากัน แต่วันนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่า Supra ไม่ได้มาเพื่อเลียนแบบอดีต แต่มาเพื่อ “สร้างประสบการณ์ใหม่” ให้กับผู้ขับขี่ในโลกยุคใหม่
Toyota GR Supra 2025 คือการผสมผสานระหว่าง “อารมณ์การขับขี่” กับ “เทคโนโลยี” ที่ใช้งานได้จริง โดยไม่ทิ้งความเป็นสปอร์ตในแบบที่ Toyota เคยทำไว้ดีที่สุด